วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

แนวทางการเลือกพื้นที่ในการสุ่มตรวจอย่างมีคุณภาพ


หัวใจสำคัญประการหนึ่งของการปรับลดพื้นที่ด้วยวิธี Land Release นั้น คือการเลือกพื้นที่ในสุ่มตรวจ หากสามารถเลือกพื้นที่ในการสุ่มตรวจได้อย่างมีคุณภาพ เป็นตัวแทนของพื้นที่นั้นๆ ได้แท้จริงแล้ว จะให้ทำมีความเชื่อมั่นว่าพื้นที่นั้นมีความปลอดภัยสูง

คำถามมีอยู่ว่า หากผลการสำรวจที่ไม่ใช่ทางเทคนิค (NTS) ระบุออกมาว่า พื้นที่ A มีขนาด 1,000 ตร.ม. เป็นพื้นที่ที่ต้องการการสำรวจทางเทคนิคแบบปกติ (Normal Technical Survey : NMTS) โดยใช้อัตราการสุ่มตรวจร้อยละ 20 ของพื้นที่ นั้นหมายถึงผู้ปฏิบัติงานต้องทำการสุ่มตรวจในพื้นที่ A นี้ ให้ได้พื้นที่อย่างน้อย 200 ตร.ม. ซึ่งพื้นที่ 200 ตร.ม.ที่เลือกนั้น จะต้องเป็นตัวแทนพื้นที่ 1,000 ตร.ม. ได้อย่างแท้จริง

หากเทียบกับการวิจัย ประชากรในการวิจัย ก็คือ พื้นที่ 1,000 ตร.ม. กลุ่มตัวอย่าง ก็คือ พื้นที่ 200 ตร.ม. นั้นเอง ดังนั้นการเลือกกลุ่มอย่างที่เป็นตัวแทนของประชากรที่แท้จริง จะทำให้งานวิจัยมีความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy) 

วิธีการสุ่มตัวอย่างในงานวิจัย จำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ การสุ่มตัวอย่างโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็น (Nonprobability sampling) และการสุ่มตัวอย่างโดยอาศัยหลักความน่าจะเป็น (Probability sampling) โดยสามารถแยกได้ดังนี้[1]
  1. การสุ่มตัวอย่างโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็น (Nonprobability sampling) การสุ่มตัวอย่างในลักษณะนี้ ที่เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้กัน มีดังนี้
    1. การเลือกตัวอย่างโดยบังเอิญ (Accident Sampling)
    2. การเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
    3. การเลือกตัวอย่างแบบกำหนดโควตา (Quota Sampling)
    4. การเลือกตัวอย่างแบบก้อนหิมะ (Snowball Sampling
  2. การสุ่มตัวอย่างโดยอาศัยหลักความน่าจะเป็น (Probability sampling) การสุ่มตัวอย่างในลักษณะนี้ ที่เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้กัน มีดังนี้
    1. การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling)
    2. การสุ่มตัวอย่างอย่างมีระบบ (Systematic Random Sampling)
    3. การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling)
    4. การสุ่มตัวอย่างแบบยกกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
    5. การสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Random Sampling)


จากวิธีการสุ่มตัวอย่างที่กล่าวมา ทำให้เกิดแนวคิดที่ว่า พื้นที่ 200 ตร.ม. ที่ผู้ปฏิบัติงานต้องเลือกเพื่อสุ่มตรวจนั้น จะเลือกใช้การสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีใดที่มีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุดต่อการปรับลดพื้นที่ทุ่นระเบิดในพื้นที่ A




จากภาพด้านบน ภาพพื้นที่เดียวกัน ใช้วิธีการสุ่มตรวจพื้นที่แตกต่างกัน แต่ได้พื้นที่สุ่มตรวจร้อยละ 20 เท่ากัน มีคำถามว่า แล้วจะใช้อะไรเป็นตัววัดว่า วิธีใดที่มีคุณภาพ มีการยอมรับ และมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด 

ปัจจัยที่ผู้ปฏิบัติงานควรจะนำมาพิจารณาว่าจะเลือกใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบไหน น่าจะประกอบด้วย (ดูภาพด้านล่างประกอบ)
  1. ข้อมูลข่าวสารเริ่มแรกที่ผู้ปฏิบัติงานใช้ในการแบ่งพื้นที่ CHA ออกเป็นพื้นที่ย่อยในขั้นการสำรวจที่ไม่ใช่ทางเทคนิค (NTS) ขั้นนี้จึงเป็นขั้นที่สำคัญที่สุดของกระบวนการการปรับลดพื้นที่ด้วยวิธี Land Release การแบ่งพื้นที่ CHA ออกเป็นพื้นที่ย่อย อาจสามารถประยุกต์ใช้ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) มาช่วยได้ 
  2. ในขั้นตอนการเลือกพื้นที่สุ่มตรวจในพื้นที่ย่อยแต่ละพื้นที่ของพื้นที่ CHA นั้น การเลือกพื้นที่สุ่มตรวจเพื่อให้มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด ควรใช้ความน่าจะเป็นของข้อมูลต่างๆ เช่น ลักษณะภูมิประเทศ เส้นทางที่มีอยู่ ข้อมูล ข่าวสารของพื้นที่ การใช้ประโยชน์พื้นที่ของประชาชน หลักนิยมของคู่สงคราม ลักษณะพื้นที่ทางยุทธวิธี การพิจารณาภูมิประเทศทางทหาร ฯลฯ มาพิจารณาทบทวนอีกครั้งอย่างมีคุณภาพ ภายใต้กรอบแนวคิดที่ว่า “ทบทวนความน่าจะเป็นของข้อมูลที่มี ด้วยเทคนิคและวิธีการคุณภาพ แล้วนำไปใช้ในการเลือกพื้นที่ที่จะสุ่มตรวจ ซึ่งจะทำให้พื้นที่สุ่มตรวจนั้น มีคุณภาพตามไปด้วย” โดยใช้ตัวแบบทางความคิดดังนี้ 


P(TRIP ∩ DO) + Q ------> QRS

Q = Quality (คุณภาพ)
RS = Random Sample (การสุ่มตัวอย่าง)
P = Probability (ความน่าจะเป็น)
T =Terrain (ลักษณะภูมิประเทศ)
R = Route (เส้นทางที่มีอยู่)
I = Information (ข้อมูลข่าวสาร,ประวัติพื้นที่)
P = People (การใช้ประโยชน์พื้นที่ของประชาชน)
D = Doctrine (หลักนิยมการรบของคู่สงคราม)
O = OCOKA (ลักษณะพื้นที่ทางยุทธวิธีหรือการพิจาณาภูมิประเทศทางทหาร) ได้แก่
  • O : OBSERVATION & FIELD OF FIRE : การตรวจการ และพื้นการยิง
  • C : COVER & CONCEALMENT : การกำบัง และซ่อนพราง
  • O : OBSTACLE : เครื่องกีดขวา
  • K : KEY TERRAIN : ภูมิประเทศสำคัญ
  • A : AVENUE OF APPROACH : แนวทางการเคลื่อนที่



บทสรุป
ในพื้นที่ 1 แห่ง หากผู้ปฏิบัติงานใช้วิธีการเลือกพื้นที่สุ่มตรวจอย่างมีคุณภาพ ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ในพื้นที่นั้นอาจเกิดวิธีการสุ่มตรวจ หลาหลายรูปแบบผสมผสานกัน ดังภาพที่แสดงไว้ด้านล่าง การทบทวนข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่อีกครั้ง ก่อนที่ผู้ปฏิบัติงานจะตัดสินในเลือกพื้นที่ที่จะทำการสุ่มตรวจจึงเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อให้พื้นที่ที่เลือกสุ่มตรวจนั้น เป็นที่ยอมรับ มีความน่าเชื่อถือ และเป็นตัวแทนที่แท้จริงของพื้นที่ทั้งหมด ก่อให้เกิดความมั่นใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน คณะกรรมการตรวจสอบฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งปวง ในการยืนยันว่าพื้นที่นี้ปลอดภัยจากทุ่นระเบิดจริง สามารถส่งมอบพื้นที่ให้แก่ราษฎรหรือผู้ที่ใช้ประโยชน์ต่อไป 





อ้างอิง
[1] วรรณี แกมเกตุ. (2551). วิธีวิทยาการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หน้า 228-300.


****************************
เขียนโดย พันเอก ดร.สุชาต จันทรวงศ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น