วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

Landmine Monitor 2015 @Thailand

องค์กรสากลรณรงค์เพื่อยุติกับระเบิด (International Campaign to Ban Landmines : ICBL) เป็นเครือข่ายระดับโลก ทำงานในพื้นที่กว่า 100 ประเทศ ในการรณรงค์ต่อต้านทุ่นระเบิดและกับระเบิด ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี พ.ศ.2540  ICBL จัดทำรายงาน "Landmine Monitor" เป็นประจำทุกปีตั้งแต่เริ่มอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิตและโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) เป็นต้นมา เพื่อรายงานผลการดำเนินการตามอนุสัญญาฯ ของแต่ละประเทศที่เข้าร่วมเป็นรัฐภาคี




ข้อมูลเมื่อเดือน พ.ย.2558 มีประเทศที่ร่วมลงนามเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา จำนวน 162 ประเทศ โดยประเทศที่ไม่ยอมลงนามมีอีกประมาณ 34 ประเทศ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเทศที่ยังคงผลิตทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอยู่  เท่าที่ผมรู้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ เวียดนาม  รัสเซีย อิสราเอล เป็นต้น 

หากมองใกล้ตัวเราในส่วนของประชาคมอาเซียน ประเทศที่ร่วมลงนามเป็นรัฐภาคีมี 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน ฟิลิบปินส์ ส่วนที่เหลืออีก 4 ประเทศไม่ได้ร่วมลงนามเป็นรัฐภาคี ได้แก่ ลาว สิงคโปร์ เมียนมา และเวียดนาม 

ในรายงาน Landmine Monitor 2015 ผลการดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ ของประเทศไทย ซึ่งเป็นรัฐภาคี ถูกรายงานไว้ดังนี้

ประเทศที่มีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเก็บไว้เพื่อการฝึกเกิน 1,000 ทุ่น
ประเทศไทยถูกจัดลำดับใน 38 ประเทศว่าเป็นประเทศที่มีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลสะสมไว้เพื่อการฝึกเกิน 1000 ทุ่น โดยลำดับ 1 คือประเทศฟินแลนด์ เก็บไว้ 16,500 ทุ่น รองลงมาลำดับ 2 ประเทศตุรกี เก็บไว้ 14,902 ทุ่น ประเทศไทย ลำดับที่ 16 เก็บไว้ 3,208 ทุ่น ประเทศกัมพูชา ลำดับที่ 20 เก็บไว้ 2,747 ทุ่น

นอกจากนั้นประเทศไทยยังถูกจัดว่าเป็น 3 ประเทศที่มีพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิด มากกว่า 100 ตร.กม.ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้และภาคพื้นแปซิฟิค ซึ่งมีอยู่ 3 ประเทศ คือ อัฟกานิสสถาน กัมพูชา และไทย

การทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ทุ่นระเบิด
ประเทศที่น่าจับตามองเรื่องความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมาตรา 5 ของอนุสัญญาฯ ว่าด้วยเรื่องการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ทุ่นระเบิด มีอยู่จำนวน 33 ประเทศ ทั้งหมดเป็นประเทศที่ได้เคยขอต่อระยะเวลาการเก็บกู้ทุ่นระเบิดมาแล้วครั้งที่ 1 และกำลังจะใกล้สิ้นสุดระยะเวลาตามที่ขอไว้ 

ประเทศไทยหลังจากลงนามในอนุสัญญาออตตวาฯ ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อ 1 พ.ค.2542 ประเทศไทยต้องค้นหาและทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ทุ่นระเบิดที่มีให้หมดในวันที่ 1 พ.ค.2552 (10 ปี หลังเริ่มสัญญา) แต่ประเทศไทยทำไม่สำเร็จ จึงขอขยายระยะเวลาต่อไปอีก 9.5 ปี โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 1 พ.ย.2561 

ในปัจจุบันสถานะของประเทศไทยถูกระบุว่า  "ไม่เป็นไปตามแผนงาน" (Not on track) 

ความพยายามในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิด
ประเทศไทยมีการทำงานร่วมกันกับเครือข่ายของผู้พิการจากทุ่นระเบิด มีแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ชัดเจน ผู้ที่รอดชีวิตมีส่วนร่วมในการดำเนินการ แต่ยังขาดกลไกในการประสานงานที่จะนำเสนอความต้องการของผู้รอดชีวิตถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

เงินสนับสนุนจากผู้บริจาค
ในปี พ.ศ.2558 มีผู้บริจาคเงินสนับสนุนการปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมทั่วโลก รวมถึง $416.8 ล้าน คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 14,554,657,387.00 บาท ประกอบด้วย ประเทศที่เป็นรัฐภาคี 26 ประเทศ และ ประเทศที่ไม่เป็นรัฐภาคี 3 ประเทศ The EU และ 3 สถาบันระดับนานาชาติ 


5 อันดับแรกที่บริจาคเงินสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ($118.01) รองลงมา The EU ($66.8) ตามด้วย ญีุ่่ปุ่น ($49.1) นอร์เวย์ ($41.8) และเนเธอแลนด์ ($25.9) ส่วนประเทศอื่นๆ ดูตามตารางด้านบน  

การปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในประเทศไทยในปี พ.ศ.2558 ก็ได้อานิสงส์จากเงินบริจาคดังกล่าวข้างต้นเหมือนกัน คือ
  • ประเทศนอร์เวย์ ผ่านองค์กรความช่วยเหลือแห่งประชาชนชาวนอร์เวย์ ( Norwegian People’s Aid : NPA) Thailand (ไม่ทราบจำนวน)
  • ประเทศญี่ปุ่น ผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (Grant Assistance for Grassroots Human Security Projects : GGP)  จำนวน $342,385.42 (ประมาณ 11.9 ล้านบาท) ให้แก่ มูลนิธิถนนแห่งสันติภาพ (Peace Road Organization Foundation : PRO ) 
  • ประเทศญี่ปุ่น ผ่านกองทุนเพื่อบูรณาการระหว่างญี่ปุ่น-อาเซี่ยน (JAPAN-ASEAN Integration Fund : JAIF)  จำนวน $473,055.96 (ประมาณ 15.4 ล้านบาท) ให้แก่ สมาคมผู้เก็บกู้ทุ่นระเบิดพลเรือนไทย (Thai Civilian Deminer Association : TDA) 
จากการรายงานของ ICBL  ระบุว่า เงินบริจาคจำนวน $416.8 ล้าน สนับสนุนให้ประเทศไทย จำนวน $1.0 ล้าน ส่วนเพื่อนบ้านในอาเซียนของเรา  ลาวได้รับ $37.3 ล้าน กัมพูชาได้รับ $30.3 ล้าน เวียดนามได้รับ $14.3 ล้าน   เมียนมาได้รับ $5.7 ล้าน 

เงินบริจาคในปี 2558 จำนวน $416.8 ล้าน สามารถจำแนกการสนับสนุนงานด้านต่างๆ ได้ดังนี้
  • งานด้านการกวาดล้างและการแจ้งเตือนให้ความรู้ฯ $281.8 ล้าน คิดเป็นร้อยละ 68
  • งานด้านอื่นๆ $68.5 ล้าน คิดเป็นร้อยละ 16
  • งานด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิด $27.7 คิดเป็นร้อยละ 7
  • งานด้านทนายและกฏหมาย $20.7 คิดเป็นร้อยละ 5
  • งานด้านการเพิ่มขีดความสามารถ $14.9 คิดเป็นร้อยละ 4
  • งานด้านการทำลายทุ่นระเบิด $3.2 คิดเป็นร้อยละไม่ถึง 1
สรุปสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยในการปฏิบัติงานด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ที่ระบุไว้ในรายงาน "Landmine Monitor 2015" มีเพียงเท่านี้ หากท่านผู้อ่านสนใจค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสืบค้นได้ที่เว็บไซต์ 

Landmine Monitor 2015

ที่อยู่ http://www.the-monitor.org/en-gb/reports/2015/landmine-monitor-2015.aspx

******************
ชาติชาย คเชนชล : 23 มี.ค.2559

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น